ถาม - ตอบ Meso หน้าใส
A: เมโสหน้าใส (Mesotheraphy) คือ ทรีทเม้นท์บำรุงผิว
ทางลัดในการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่างๆ โดยเฉพาะตัวที่ดูดซึมจากการทาได้ยาก มาทำเป็นตัวยาสำหรับฉีดเข้าชั้นผิวได้โดยตรง เพื่อให้ออกฤทธิ์ไวขึ้น จากปกติอาจใช้เวลาเป็นเดือน ทำให้เริ่มเห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์หลังการฉีด
A: เมโสหน้าใสคือการทำทรีทเม้นท์บำรุงผิว โดยจะช่วยในเรื่องของการดูแลปัญหาผิวต่าง ๆ ดังนี้
- ฟื้นฟูผิวจากสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ สิว
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
- ให้ผิวมีความชุ่มชื้น แข็งแรง สุขภาพดี
- ลดฝ้า กระ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
- เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
A: ถ้าฉีดโดยใช้ตัวยาเมโสแท้ที่ผ่านอย. กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย 100%
เนื่องจากส่วนผสมในตัวยาเมโสประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ตามหลัก Homeopathy เป็นวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว
A: แบ่งเมโสหน้าใสได้เป็น 3 แบบ ดังนี้
- ฉีดหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่ทำให้หน้าขาว เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione
- เน้นหน้าใส จะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน
- เน้นลดสิว-แก้ผื่น จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก คอลลาเจนยังช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลงช่วยลดสิว
A: เนื่องจากผิวหน้าแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกัน การจะทราบว่าผิวหน้าของเรานั้น เหมาะกับใช้ เมโส ยี่ห้อไหนดี? ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อปรับสูตรเมโสให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล
- Made Collagen ลดสิว ลดผื่น
- Tensonez ผิวขาว ใส ลดฝ้า
- Depigment ช่วยลดฝ้า
- Filorga ช่วยผิวขาวใส ลดฝ้า และบำรุงผิวล้ำลึก
- Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง
A: การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
แต่เดิมการฉีดเมโส จะใช้เข็มฉีดตัวยากระจายเป็นจุดเล็กๆ ในผิวชั้นตื้นทั่วทั้งหน้าเรียกว่า mesotherapy ข้อดีของการใช้เข็มจิ้มเป็นจุดเล็กๆ ทั่วหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปด้วยในตัว แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดรอยช้ำรอยแดง และหากได้รับการฉีดที่ไม่ได้มาตราฐาน ไม่สะอาด ก็อาจทำให่เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้
การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
ที่ประเทศอิตาลีมีการค้นพบเทคนิคการฉีดวิตามินหน้าใส 16 จุด โดยจะฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง การฉีดเมโสหน้าใส แบบนี้ มีข้อดีคือ เป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่าเแบบสะกิด
A: หากไม่ได้ใช้ยาชา จะมีรู้สึกเจ็บขณะที่ฉีดแต่ความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้
โดยปกติแล้ว การฉีดเมโสหน้าใสจะไม่ได้มีการแปะยาชา เนื่องจากฉีดผิวชั้นกลาง ปริมาณตัวยาไม่มากและใช้เวลาไม่นาน แต่ทั้งนี้ความเจ็บจะอยู่ในระดับที่ทนได้
A : เห็นผลเต็มที่ประมาณ 1 เดือนค่ะ
ปกติจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน และอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือนค่ะ แนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นควรฉีดทุกๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพค่ะ
A: มโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอ
มโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอ และจะอยู่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือดูแลตัวเองและไม่ทำพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอลล์หรือสูบบุหรี่
A : ใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ
เมโสไม่ได้ทำให้ผิวบางลงเหมือนกับการทำเลเซอร์ค่ะ ดังนั้นไม่ถึงกับต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอแดดเลย แต่ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการโดนแดดแรงๆ ค่ะ
A : ในกรณีฝ้า สามารถใช้เมโส เพื่อชะลอการกระจายของฝ้า และ ช่วยให้จางลงได้ 20-50% ในบางเคสค่ะ
ซึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้เลยค่ะ เพียงแต่ช่วยชะลอเท่านั้น และต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินว่าแต่ละเคสจะเหมาะกับเมโสสูตรไหนด้วยนะคะ
A: การฉีดเมโสเพื่อรักษาหรือชะลอฝ้า จะเห็นผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีปัญหามากน้อยแค่ไหน และมีความสม่ำเสมอในการฉีดเมโสหน้าใสหรือไม่
การที่จะให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ต้องฉีดเมโสหน้าใสต่อเนื่อง การฉีดครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอ การฉีดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น โดยปกติจะเห็นผลใน 7 – 14 วัน
A: การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว จำพวกวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส
ดังนั้น ผลข้างเคียงที่มีจะเป็นในเรื่องของรอยเข็มตามใบหน้าที่เกิดจากตอนฉีดตัวยา ซึ่งรอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน หลังฉีดจะมีเป็นตุ่มนูนๆ ตรงบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อตัวยาซึมเข้าผิวหมดแล้วก็จะยุบลงไปเอง
A: ผื่นแดงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- เกิดจากการอักเสบติดเชื้อ มักจะไม่บวมแดงทันทีหลังทำทันที แต่จะเริ่มบวมแดงมากขึ้นหลังจากวันที่ 3 ของการฉีด หากรีบรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็จะหายได้อย่างปลอดภัย 100% และควรระวังเรื่องความสะอาดในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป
- เกิดจากการแพ้ ยาชาแบบทา หรือตัวยาเมโส จะบวมแดงทันทีหลังทำ และเป็นทั่วทุกจุดที่ฉีด หรือ จุดที่ทายาชา ซึ่งอาการแพ้แบบไม่รุนแรงจะไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้ และอาการผื่นแดงจะหายเองใน 1 คืนหลังฉีด หากบวมแดงนานเกิน 24 ชม ควรพบแพทย์เพื่อประเมินการรักษาต่อไป
- เกิดจากผื่นคนไข้กำเริบ หรือเป็นผื่นจากโรคอื่น ๆ ในกรณีนี้ ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามโรคนั้น ๆ ต่อไป
- ผื่นแดงจากรอยเข็ม รอยช้ำ จะออกสีม่วงเขียวตามจุดที่ฉีด อาจเกิดทันที หรือหลังฉีด 2-3 วันได้ แก้ไขด้วยการประคบเย็นภายใน 48 ชม. แรก หลังจากนั้นสามารถประคบอุ่นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
A: การฉีดเมโสหน้าใส เป็นเหมือนการให้อาหารผิวโดยการฉีดสารบำรุงที่มีประโยชน์
ดังนั้นปัจจัยนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน ดังนั้นควรให้แพทย์ที่มีความชพนาญประเมินก่อนว่าเหมาะกับการใช้ยาตัวสูตรไหน
การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?
- คนที่ไม่ชอบทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่าการทาครีม
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง อดนอน ทำงานหนัก
- คนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน สามารถฉีดถี่ได้แบบ 3 วัน/ครั้ง
A: เมโสหน้าใสแบบทา เป็นครีมหรือเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวโดยทั่วไป
การเห็นผลก็เหมือนกับการทาครีม โดยจะต้องรอให้ผิวซับตัวยาเข้าไป ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ประสิทธิภาพจะต่างจากเมโสหน้าใสแบบฉีดอยู่มาก
A: หลังฉีดเมโสหน้าใสห้ามทำตามหัวข้อต่อไปนี้
- ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังทำทรีทเม้นท์ 1 คืน
- หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์