ร้อยไหมอิตาลี (Definisse) ร้อยไหมอิตาลี (Definisse) นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าด้วยเส้นไหมเส้นเดียว ทำให้เจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมปกติ และเป็นเส้นไหมที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ว่า “ใช้สำหรับการร้อยไหมกระชับหน้าได้โดยตรง” ใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย คิ้วตก ตาตก แล้วไม่รู้จะร้อยไหมแบบไหนดี การร้อยไหมปรับรูปหน้าด้วยไหมอิตาลีอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ! การร้อยไหมอิตาลี คืออะไร? การร้อยไหมอิตาลี หรือ Definisse-Italian Thread Lift เป็นเส้นไหมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ผลิตด้วยวัสดุที่ผสมผสานกันระหว่าง PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น แข็งแรง กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมละลายทั่วไป อุ้มน้ำได้ดี ไม่เปราะแตกง่าย และยึดเกาะผิวได้ดี กับ PCL (Polycaprolactone) ซึ่งถือเป็นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรงกว่าไหมละลาย โดยเมื่อนำเอาจุดเด่นของทั้ง 2 วัสดุนี้มาใช้ จะทำให้ไหมอิตาลีมีคุณสมบัติยืดหยุ่นและมีแรงดึงในการยกหน้าได้ดีกว่าไหมอื่น ๆ ทั้งยังช่วยในเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการร้อยไหมละลายแบบเดิม ๆ ไหมอิตาลีต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร? การร้อยไหมอิตาลี มีข้อดีแตกต่างจากไหมชนิดอื่น ดังนี้ไหมอิตาลี เป็นเส้นไหมที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีลักษณะเป็นเงี่ยงหันเข้าหากัน (Bidirectional Convergent Barb) เมื่อร้อยเข้าชั้นใต้ผิวหนังจะล็อคกับผิวได้ดีขึ้นมาก ตัวไหมจะไม่ขาดง่ายเหมือนวัสดุอื่น ๆด้วยลักษณะของเงี่ยงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษของไหมอิตาลี จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการยกกระชับใบหน้าได้ในระยะยาว และทำให้ผิวขาวกระจ่างใสการร้อยไหมอิตาลีด้วยเทคนิคพิเศษในการร้อยของอทิตาคลินิก จะใช้เส้นไหมที่น้อยกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ยกได้มากกว่า และเสี่ยงต่อการช้ำน้อยกว่าการร้อยไหมชนิดอื่น การร้อยไหมอิตาลีเห็นผลแค่ไหน อยู่ได้นานเท่าไหร่? การร้อยไหมอิตาลีเพื่อการยกหน้าจะใช้ไหมเพียงข้างละ 1 เส้นเท่านั้น โดยใช้เทคนิคการร้อยเพื่อให้หน้ายกขึ้น ช่วยลดเหนียง คางที่ห้อย และทำให้กรอบหน้าดูชัดได้รูปมากยิ่งขึ้น อีกทั้งวัสดุของเส้นไหมที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั้งใบหน้าทำให้ดูกระจ่างใสขึ้น สวยรับกันทั้งใบหน้า และได้ผลลัพธ์ยาวนาน 1-2 ปี การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมอิตาลี งดรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินซี วิตามินอี รวมถึงยาบางชนิด เช่น พาราเซตามอล อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันเลือดออกง่ายและเสี่ยงกับอาการช้งดการทำเครื่องมือต่างๆ เช่น Thermage Ulthera 1-2 อาทิตย์ก่อนร้อยไหม แต่การร้อยไหมและทำเครื่องสามารถทำในวันเดียวกันได้ถ้าต้องทำฟัน ให้ทำฟันก่อนการร้อยไหมหรือหลังจากร้อยไหมแล้ว 1 เดือน เพราะการทำฟันต้องอ้าปากกว้าง อาจจะทำให้ไหมหลุดออกมาได้ การดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอิตาลี งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงหลังร้อยไหมเสร็จงดนวดหน้าทั้งนวดมือและนวดเครื่องสัมผัสผิวหน้าเบา ๆ อย่านวดคลึงหรือเท้าคาง เพราะอาจจะทำให้การยกของไหมไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้ระวังการหัวเราะ หาว และการอ้าปากกว้าง ๆ เพราะอาจจะทำให้ไหมหลุดได้หลังจากร้อยไหมอิตาลี 1-2 วัน ในบางเคสอาจจะสังเกตได้ถึงรอยบุ๋ม ซึ่งเป็นปกติของการร้อยไหมเนื่องจากผิวถูกดึงให้ตึง แต่รอยนั้นจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติใน 5-7 วัน ใครเหมาะกับการร้อยไหมอิตาลี คนที่ใบหน้ามีปัญหาหย่อนคล้อย มีเหนียง คางห้อย กรอบหน้าไม่ชัด คนที่มีใบหน้าอวบ มีไขมันสะสมก็สามารถร้อยไหมได้ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบด้วย ข้อดีของการร้อยไหมอิตาลี เจ็บน้อย แต่ยกกระชับนาน โดยการร้อยไหมอิตาลีจะใช้ไหมเพียงข้างละ 1-2 เส้นเท่านั้น นับเป็นจำนวนเส้นไหมที่น้อยกว่าการร้อยไหมแบบปกติมาก ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบวมช้ำให้กับผู้ที่เข้ารับการรักษา และด้วยเทคนิคพิเศษในการร้อยไหมอิตาลีที่จะช่วยยกกระชับส่วนเกินต่าง ๆ ได้ดีกว่าการใช้เครื่องมือแบบอื่นในบริเวณกรอบหน้า เหนียง และการยกแก้ม ร้อยไหมอิตาลี (Definisse) ราคาเท่าไหร่? ร้อยไหมอิตาลี (Definisse) ราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาท หากท่านใดสนใจ สามารถส่งรูปมาให้คุณหมอประเมินได้ฟรีผ่าน Line Official @atitaclinic หรือนัดหมายเข้ามาปรึกษาแพทย์ผ่านทุกช่องทางติดต่อของเราได้เลย! รวมรีวิวร้อยไหมอิตาลี ร้อยไหม Definisse ที่อทิตาคลินิก สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับของการร้อยไหมอิตาลี ร้อยไหม Definisse แบบชัด ๆ อทิตาคลินิกได้รวบรวมเคสรีวิวร้อยไหมปรับรูปหน้าด้วยไหมอิตาลี (Definisse) มาให้แล้ว มีครบทั้งภาพรีวิวก่อนทำและหลังทำ ไปดูกันได้เลย สรุปเรื่องการร้อยไหมอิตาลี (Definisse) การร้อยไหมอิตาลี (Definisse) เป็นไหมละลายชนิดเงี่ยงที่ผลิตจากโคโพลิเมอร์ p(LA-CL) ซึ่งเป็นวัสดุชนิดใหม่ ทำให้มีเส้นไหมที่แข็งแรง เหนียว ยืดหยุ่น ไม่เปราะหัก หรือขาดง่าย สามารถใช้ร้อยไหมปรับรูปหน้าได้ในเส้นเดียว ช่วยลดจำนวนการใช้เส้นไหม เจ็บน้อยกว่า และพักฟื้นได้ไวกว่าการร้อยไหมทั่วไป อีกทั้งยังสามารถอยู่ได้นาน 12 – 15 เดือน นับเป็นอีกหนึ่งเส้นไหมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการร้อยไหมที่คุณไม่ควรพลาด!